ภาพรวมโปนแกรมเที่ยว
<p><strong>วันแรก</strong></p>
<ul>
<li><strong>งานเทศกาลน้ำแข็ง</strong></li>
<li><strong>ทะเลสาบชิโคสึ </strong></li>
<li><strong>หมู่บ้านดาเตะจิไดมุระ</strong></li>
<li><strong> หุบเขาจิโกกุดานิ</strong></li>
<li><strong>บ่อน้ำพุร้อน </strong><strong>Oyunuma</strong></li>
</ul>
<p><strong>วันที่ 2</strong></p>
<ul>
<li><strong>ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีสีน้ำตาล </strong></li>
<li><strong> หอคอยโกเรียวคะคุ </strong></li>
<li><strong>โกดังอิฐแดงเก่า</strong></li>
<li><strong>Mt. Hakodate Ropeway</strong></li>
</ul>
<p><strong>วันที่ 3</strong></p>
<ul>
<li><strong>ตลาดเช้าอะซา อิชิ</strong></li>
<li><strong> ย่านโมโตมาชิ </strong></li>
<li><strong>พิพิทธภัณฑ์สาหร่ายทะเล </strong></li>
<li><strong>ทะเลสาบโทยะ</strong></li>
<li><strong> ภูเขาไฟโชวะ </strong></li>
</ul>
<p><strong>วันที่ 4</strong></p>
<ul>
<li><strong>ลานสกี </strong><strong>Rusutsu Resort </strong></li>
<li><strong>คลองโอทารุ </strong></li>
<li><strong> พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี </strong></li>
<li><strong>แหล่งช้อบปิ้ง </strong><strong> </strong><strong>TANUKI KOJI</strong></li>
</ul>
<p><strong>วันที่ 5</strong></p>
<ul>
<li><strong>โรงงานช็อกโกแลต</strong></li>
<li><strong> ศาลเจ้าฮอกไกโด </strong></li>
<li><strong> ตลาดปลา </strong><strong>Sapporo </strong></li>
<li><strong>ศาลาว่า </strong><strong>การเมืองฮอกไกโดหลังเก่า </strong></li>
<li><strong> เทศกาลหิมะแห่งเมืองซัปโปโร</strong></li>
</ul>
<p><strong>วันที่ 6</strong></p>
<ul>
<li><strong>นำทุกท่านเดินทางสู่ สนามบินชิโตเสะ เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ประเทศไทย</strong><br /><strong>09.40 น. / 11.55 น. นำทุกท่านเหินฟ้ากลับสู่ประเทศไทย</strong></li>
<li><strong>15.25 น. / 18.00 น. เดินทางถึง สนามบินดอนเมือง โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ…</strong></li>
</ul>
<p><strong> </strong><strong> </strong></p>
รายละเอียด
Expand/Close
เช้า รับที่สนาม NEW CHITOSE
08.00 น. นำท่านเดินทางสู่ งานเทศกาลน้ำแข็ง ซึ่งจัดขึ้นที่ออนเซ็นทะเลสาบชิโคสึ ซึ่งอยู่ในสวนสาธารณะของอุทยานแห่งชาติ26 มกราคม ~ 18 กุมภาพันธ์ มีประติมากรรมน้ำแข็งที่สร้างขึ้นโดยใช้น้ำในทะเลสาบชิโคสึอันเป็นที่ภาคภูมิใจในเรื่องความใส ซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งในประเทศ พ่นและปล่อยให้แข็งตัวเรียงรายอยู่ สไลเดอร์น้ำแข็ง ลานสเก็ตที่ลื่นไถลด้วยรองเท้าบูต หรือขี่ม้าจูงชมสถานที่จัดงานนั้น เป็นที่นิยมของเด็กๆ ภายในระยะเวลาจัดงาน นอกจากจะมีการยิงดอกไม้ไฟถึง 300 นัดในวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการตั้งแต่เวลา 18:30 น. แล้ว ยังมีการแสดงการตีกลองใหญ่แบบญี่ปุ่น และสามารถไปอาบน้ำในออนเซ็นที่อยู่รอบๆ สถานที่จัดงาน และกลับได้ภายในวันเดียว
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านดาเตะจิไดมุระ(Noboribetsu Date Jidaimura) เป็นหมู่บ้านจำลองวิถีชีวิตของชาวเอโดะในสมัยโบราณ ภายในพื้นที่หมู่บ้านมีทั้ง หอสังเกตการณ์ โรงละคร วัด ร้านค้า หมู่บ้านนินจา หมู่บ้านซามูไร และอื่นๆอีกมากมาย โดยนักท่องเที่ยวจะสามารถสัมผัสบรรยากาศได้เหมือนอยู่ในหนังญี่ปุ่นโบราณเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีคนแต่งตัวเป็นพ่อค้า ซามูไร นินจา เดินไปมา และสามารถชมการแสดงวัฒนธรรมแบบชาวเอโดะอีกด้วย โชว์นินจาที่บ้านนินจาคาสุมิ, โชว์โออิรินที่โรงละครวัฒนธรรมญี่ปุ่น แอ๊คชั่นโชว์ซามูไรกลางแจ้ง ชมสาธิตการอำพรางตัวอันเลื่องชื่อ ถ่ายรูปคู่กับซามูไรหรือนินจาเป็นที่ระลึก
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ หุบเขาจิโกกุดานิ (Jigokudani Valley)
หรือที่นิยมเรียกกันว่า “หุบเขานรก” หรือ “หุบเขาอเวจี” (Hell’s Valley) หุบเขาจิโกกุดานิ เป็นร่องรอยของปล่องภูเขาไฟระเบิดที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟคุตตะละ มีพื้นที่ประมาณ 11 เฮกตาร์ ก่อเกิดเป็นแหล่งออนเซนและภูมิทัศน์ที่สวยงามากแห่งหนึ่งของเมือง โดยเฉพาะที่ “เท็ตเซ็นอิเคะ” บ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังทางเดินในหุบเขาจิโกกุดานิ เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีไอน้ำพวยพุ่งออกมาราวกับว่าคุณกำลังเดินอยู่ในนรกจริงๆ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ บ่อโอยุนุมะ” (Ohyu-Numa) เป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่มีรูปร่างคล้ายๆกับน้ำเต้า เป็นบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่ที่นับว่าหายากมากแห่งหนึ่งของโลก โดยบริเวณก้นบ่อนั้นมีการค้นพบน้ำพุกำมะถันที่มีความร้อน ประมาณ 130 องศา แต่ทว่าอุณหภูมิผิวน้ำกลับอยู่ที่ 40-50 องศา
เสร็จแล้วเดินทางต่อไปยัง บ่อน้ำพุร้อน Oyunuma และแวะไปแช่เท้าที่ Oyunuma Brook Natural Footbath
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก เดินทางเข้าพัก ที่โรงแรม Meitounoyado Park Hotel Miyabitei Hokkaido หรือเทียบเท่า
Richmond Hotel Sapporo Odori ตั้งอยู่บน Tanukikoji Shopping Street ห่างจาก Odori Subway Station โดยใช้เวลาเดิน 5 นาที โรงแรมแห่งนี้ให้บริการที่พักพร้อมการตกแต่งอันทันสมัย และบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย…
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
08.30 น. นำท่านเดินทางสู่ ขี้น“เคเบิ้ลคาร์”เพื่อชม: ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีสีน้ำตาล โนโบริเบ็ทสึ (hokkaido brown bear) ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีสีน้ำตาลตั้งอยู่ภายในเกาะฮอกไกโด ซึ่งหมีสีน้ำตาลนั้นเป็นหมีพันธุ์ที่หายาก มีถิ่นกำนิดในดินแดนแถบไซบีเรียและเกาะฮอกไกโด ปัจจุบันพบได้ในเกาะฮอกไกโด เกาะซาคาริน และหมู่เกาะคูรินเท่านั้น แต่ก็ค่อนข้างจะหาดูได้ยากเพราะใกล้สูญพันธุ์แล้ว โดยศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีสีน้ำตาลแห่งนี้ภายในมีฝูงหมีสีน้ำตาลนับร้อยตัวท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์และเหมาะสม รวมทั้งยังมีหมีสีน้ำตาลที่ทางศูนย์สต๊าฟเอาไว้ ข้อมูลเกี่ยวกับหมีสี และยังมีร้านขายของที่ระลึกที่เกี่ยวกับหมีอีกด้วย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ หอคอยโกเรียวคะคุ
หอคอยโกเรียวคะคุ (Goryokaku Tower) เป็นหอคอยที่สร้างขึ้นมาใหม่ เปิดใช้เมื่อปี พ.ศ.2549 ด้วยความสูง 107 เมตร แทนที่ของเก่าที่สูงเพียง 60 เมตร จุดชมวิวอยู่ที่ระดับความสูง 90 เมตร หอคอยเป็นรูปทรง 5 เหลี่ยม ภายในมีกล้องส่องทางไกล เมื่อมองลงมาที่ด้านล่างจะมองเห็นสวนสาธารณะโกเรียวคะคุ อีกทั้งมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารและร้านกาแฟไว้ให้คอยบริการ
จากนั้นเดินทางสู่ ป้อมรูปดาวโกเรียวคะคุ (Goryokaku) ห่างจากฮาโกดาเตะ 4 กิโลเมตร ป้อมดาว 5 แฉก ถูกสร้างขึ้นโดยโชกุนตระโทกุงาวะ เมื่อ ปี พ.ศ. 2400 เพื่อใช้ป้องกันการรุกรานจากต่างชาติในช่วงที่สหรัฐต้องการบีบให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศ ปัจจุบันป้อมแห่งนี้ได้กลายเป็นสวนสาธารณะโกเรียวคะคุ และยังคงรักษารูปทรงของป้อมไว้เป็นอย่างดี ในฤดูใบไม้ผลิดอก ซากุระ 1600 ต้นจะบานสะพรั่งไปทั่วทั้งสวน ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ก็จะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงเจิดจ้า และเมือฤดูหนาวหิมะจะตกปกคลุมจนทำให้เห็นรูปเหลี่ยมได้อย่างชัดเจน ซึ่งหากต้องการชมความงามของป้อมรูปดาวโกเรียวคะคุจากมุมสูง เราต้องขึ้นไปบนหอคอยโกเรียวคะคุ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ โกดังอิฐแดงเก่า (Red Brick Warehouses) เป็นมุมที่ใครต่อใครก็ต้องไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เป็นอาคารอิฐแดงที่ตั้งอยู่ริมถนนที่ทอดยาวเรียบอ่าวติดทะเล บริเวณนี้มีอาคารอิฐแดงตั้งอยู่ประมาณ 5-6 หลัง เป็นอาคารใหม่ที่สร้างขึ้นมาแทนที่โกดังสินค้าเก่าที่ถูกไฟไหม้ไป ภายในอาคารเป็นร้านค้า ที่มีทั้งร้านขายของที่ระลึก ร้านเสื้อผ้า ของเล่น กิ๊ฟช้อป และร้านอาหาร สถานที่นี่กลายเป็นสถานที่สุดโรแมนติกอีกแห่งของฮาโกดาเตะ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ Mt. Hakodate Ropeway ขึ้นรถกระเช้าไปชมยอดเขาฮาโกดาเตะ อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญยามค่ำคืนของการท่องเที่ยวฮอกไกโด คือการขึ้นไปชมวิวสวยงามติดอันดับโลกด้วย Mt. Hakodate Ropeway หรือ รถกระเช้าขึ้นยอดเขาฮาโกดาเตะที่เมืองฮาโกดาเตะนั่นเองวิวจากยอดเขาฮาโกดาเตะที่มองกลับลงมายังท่าเรือ และตัวเมืองที่โอบล้อมด้วยทะเลทั้งสองข้างใน ยามค่ำคืนนั้น นับว่าสวยงามแปลกตา และว่ากันว่าเป็นวิวกลางคืนสวยเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากฮ่องกงและเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี โดยจุดที่จะชมวิวนี้ ก็คือบนยอดเขา Mt.Hakodate จุดชมวิวบนยอดเขาฮาโกดาเตะนี้ ในฤดูหนาวจะ ขึ้นไปได้แต่รถกระเช้า (Ropeway) เท่านั้น ถนนจะปิดเพื่อป้องกันอันตรายขณะหิมะตก ส่วนในฤดูอื่นอาจเรียกแท็กซี่หรือนั่งรถบัสขึ้นไปได้ด้วย แต่รถกระเช้าก็ยังคงเป็นทางเลือกที่เร็วและสะดวกที่สุดอยู่ดี
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก เดินทางเข้าพัก ที่โรงแรม Toyoko in Hakodateekiasaitimae Hotel หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
08.30 น. นำท่านเดินทางสู่ ตลาดเช้าอะซา-อิชิ (Asa-ichi Morning Market) ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานีฮาโกดาเตะ เป็นตลาดสแบ่งส่วนออกเป็นโซนขายผักขายผลไม้ ถึงชื่อจะบอกว่าเป็นตลาดสดแต่ร้านค้าก็อยู่ในตัวอาคารอย่างดี ของดีของตลาดนี้คืออาหารทะเล โดยเฉพาะปูยักษ์ฮอกไกโดที่ได้ชื่อว่าเนื้อนุ่มหวานอร่อย วางขายอยู่เต็มไปหมด นอกจากนี้ใครอยากลองหมึกสดให้เดินไปที่บ่อตกหมึกกลางตลาด เมื่อตกได้แล้วพ่อค้าจะแล่ให้รับประทานกันสดๆ เลย หรือจะลองมองหาร้านที่มีเมนูข้าวหน้าปลาดิบ ซึ่งเป็นซูชิชนิดหนึ่ง เรียกว่า จิราชิ-ซูชิ (Chirashi-Zushi) มีหลายหน้าให้เลือก อาทิ ปลา กุ้ง หมึก ไข่ปลาแซลม่อน หอยเชลล์ เนื้อปู เหล่านี้วางโปะมาบนข้าวสวย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ย่านโมโตมาชิ (Motomachi) คือบริเวณเชิงเขาฮาโกดาเตะ ตั้งแต่สถานีรถราง Jujigai ถึง Suehiro-Cho ณ บริเวณนี้เป็นเนินลาดเอียงขึ้นไปตามเชิงเขา เมื่อมองลงมาจากถนนที่ตัดขึ้นสู่ด้านบน จะทำให้เห็นวิวทิวทัศน์ของท่าเรือ ในอดีตแถบนี้เป็นที่อยู่อาศัยของพ่อค้าต่างชาติที่เข้ามาทำการค้าขายกับญี่ปุ่น จึงเกิดชมชุนต่างชาติขึ้นมา สิ่งก่อสร้างบริเวณนี้จึงมีทั้งโบสถ์ วัด สถานกงสุลเก่ารวมทั้งอาคารร้านค้าบ้านเรือนที่ก่อสร้างในแบบสถาปัตยกรรมแบบยุโรป จึงทำให้ย่านมักมีคู่รักมาเดินเล่นจูงมือกันตลอด
ชม ศาลาประชาคมเมืองฮาโกดาเตะ (Old Public Hall of Hakodate Ward) หลังนี้ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนเชิงเขาภายในสวนโมโตมาชิ (Motomashi Park) ตัวอาคารสร้างด้วยไม้ตามสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลและอังกฤษคลาสสิค ใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ด้วยความสวยงามภายที่วิจิตรสวยงามทั้งภายในและภายนอกศาลาประชาคมเมืองฮาโกดาเตะหลังนี้จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกสำคัญของชาติ
ชมอาคารเก่าที่ทำการรัฐบาลท้องถิ่นฮอกไกโด (Old Brance Office of Hokkaido Government) เป็นอาคารแบบตะวันตกตั้งอยู่ภายในสวนโมโตมาชิ สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2452 ปัจจุบันใช้เป็นพิพิธภัณฑ์เมืองฮาโกดาเตะ (City Museum of Hakodate) จัดแสดงภาพถ่ายประวัติศาสตร์การก่อสร้างตั้งเมือง
โบสถ์ออร์โธดอกซ์ฮาโกดาเตะ (Russian Orthodox Church) เป็นโบสถ์สไตน์แบแซนไตน์ โดดเด่นที่หอระฆังทรง 8 เหลี่ยม หลังที่เห็นเป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1916 แทนของเดิมที่ถูกไฟไหม้ ถ้าจะเข้าไปชมด้านในต้องเสียค่าเข้าชม คนละ 200 เยน เข้าชมได้ตั้งแต่ 10.00-17.00 น.
โบสถ์โรมันคาทอลิกโมโตมาชิ (Motomachi Roman Catholic Church) อยู่ไม่ไกลจาก Russian Orthodox Church เท่าไหร่ เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก สถาปัตยกรรมแบบโกธิคสีขาวนวลยอดโบสถ์สีฟ้า เข้าชมได้ฟรี ตั้งแต่ 10.00-16.00 น. ที่ด้านในมีแท่นบูชาในห้องสวดมนต์ที่สมเด็จพระสันตะปาปา มอบให้เป็นของขวัญให้ได้ชม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ HOKKAIDO KONBUKAN หรือพิพิทธภัณฑ์สาหร่ายทะเล สถานที่ซึ่งแสดงความเป็นอยู่ของสาหร่ายทะเลใต้น้า และสามารถชมกระบวรการผลิตแปรรูปออกมาเป็นสินค้าต่างๆอีกมากมาย ให้ท่านได้จับจ่ายสินค้าแปรรูปมากมายและห้ามพลาดชิมซอฟครีมรสสาหร่ายทะเล
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบโทยะ(Lake Toya)
เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่รูปวงกลม มีเส้นรอบวงยาวประมาณ 40 กิโลเมตร เกิดจากปากปล่องภูเขาไฟ ทะเลสาบแห่งนี้มีความพิเศษตรงที่น้ำจะไม่แข็งตัวในช่วงฤดูหนาว ในหน้าร้อน อากาศก็เย็นสบาย เหมาะสำหรับเดินเล่น ปั่นจักรยาน หรือล่องเรือชมทิวทัศ อันงดงาม กลางทะเลสาบมีเกาะเล็กๆอยู่ตรงกลาง คือ เกาะนากาจิมะ(Nakajima Island) สามารถลงไปเดินเล่นได้(ยกเว้นฤดูหนาว) และในช่วงไฮท์ซีซั่น ประมาณเดือนเมษายน-ปลายเดือนตุลาคม จะมีการจุดพลุในเวลา 20:45 ของทุกๆคืนรอบๆทะเลสาบมีโรงแรมหรู ออนเซนขนาดใหญ่เปิดให้ใช้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ (Usuzan Ropeway) รถกระเช้าไฟฟ้า ชมทิวทัศน์ภูเขาไฟโชวะ (โชวะชินซัง) ภูเขาไฟที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของเปลือกโลกในปี 1943(หรือปีโชวะของ ญี่ปุ่น เป็นที่มาของชื่อเรียกภูเขาไฟโชวะ) ระเบิดประทุติดต่อกันนานถึง 2 ปี และเมื่อลาวาเย็นลงจับตัวแข็งขึ้น กลายเป็นภูเขาสูงถึง 400 เมตรดังเห็นได้ในปัจจุบัน..ชม ทะเลสาปโทยะ หรือ โทโยโกะ (TOYAKO) ซึ่งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติชิค็อทสึ-โทย่าทะเลสาบแห่งนี้เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อหลายแสนปี ที่แล้ว โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงต่ำโดยมีปากปล่องภูเขาไฟบางแห่งที่ยังคงคลุกกรุ่นอยู่โดยสังเกตได้จาก ไอน้ำร้อนที่พุ่งออกมาเป็นควันขาวให้ได้เห็นกัน ดังนั้นที่นี่จึงเป็นแหล่งที่อาบน้ำแร่แช่ออนเซ็นชั้นเยี่ยมสำหรับนักท่องเที่ยว และทะเลสาบ แห่งนี้ยังถูกใช้ในการจัดประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหรือ G8 เมื่อปี 2551 และยังมีจุดเด่นคือเกาะกลางที่ผุดขึ้นกลางทะเลสาบ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก เดินทางเข้าพัก ที่โรงแรม Toyako Hotel หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
08.30 น.นำท่านเดินทางสู่ Rusutsu Resort
เป็นรีสอร์ทอันดับหนึ่งของฮอกไกโด คือเป็นรีสอร์ทแห่งเดียวที่มีพื้นที่ให้บริการของตัวเองโดยตัวเอง ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด มีห้องพักที่รองรับคนได้ถึง 4,000 คนเลยทีเดียว มีลานสกีและเนินสกีไล่ตั้งแต่ความชันระดับต้นไปจนระดับสูง รองรับนักสกีที่เพิ่งเริ่มหัดไปยันนักสกีอาชีพ ไม่เพียงแต่ชาวญี่ปุ่นเท่านั้น ชาวต่างชาติยังมาเล่นสกีที่ Rusutsu กันอีกมากหน้าหลายตาทั้ง อเมริกัน แคนาเดียน ยุโรเปี้ยน หรือออสซี่ ถามดูได้คำตอบเดียวกันหมด คือ Because of Powder Snowดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงเหมาะมาก ๆ กับการเล่นสกีที่ญี่ปุ่นหรือเล่นสกีที่ฮอกไกโดนั่นเอง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ คลองโอทารุ (Otaru Canal) โอตารุ”
เมืองโรแมนติกอีกแห่งบนเกาะฮอคไกโด พลาดไม่ได้กับสถานที่สำคัญของเมืองโอตารุ นับเป็นจุดที่มีชื่อเสียงของเมืองคือ “คลองโอตารุ” คลองที่ในอดีตเคยใช้สำหรับลำเลียงสินค้า จากบริเวณเรือสินค้าไปยังโกดังสินค้า ปัจจุบันมีความยาว 1,140 เมตร และเชื่อมต่อกับอ่าวโอตารุ ในสมัยก่อนประมาณ ค.ศ.1920 ตรงกับยุคอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือบริเวณปากอ่าว ซึ่งในยามค่ำคืน คลองแห่งนี้ได้รับคำขนานนามว่าเป็นจุดที่โรแมนติกที่สุดและมักจะมีรายการทีวีมาถ่ายภาพสวย ๆ จากบริเวณโดยรอบของคลองแห่งนี้เป็นประจำ ทำให้คลองแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอตารุในปัจจุบันเป็นโบราณสถานแสดงความรุ่งเรืองในสมัยบุกเบิก
จากนั้นชม นาฬิกาไอน้ำโบราณ (Steam Clock Tower) สไตล์อังกฤษที่เหลืออยู่เพียง 2 เรือนบนโลกเท่านั้น (ประเทศแคนาดา และประเทศญี่ปุ่น) นาฬิกานี้จะพ่นไอน้ำ มีเสียงดนตรีดังขึ้นทุกๆ 15 นาที เพื่อบอกเวลา จุดนี้เป็นสถานที่ห้ามพลาดในการยืนรอ เพื่อถ่ายภาพคู่กับนาฬิกาไอน้ำโบราณในจังหวะที่มีไอน้ำพวยพุ่งออกมา พร้อมเสียงดนตรีไพเราะและชม พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีMusic box อาคารเก่าแก่สองชั้น ที่ภายนอกถูกสร้างขึ้นจากอิฐแดง แต่โครงสร้างภายในทำด้วยไม้ สถาปัตยกรรมแบบยุโรป พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1910 ปัจจุบันนับเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และควรแก่การอนุรักษ์ให้เป็น สมบัติของชาติเป็นสถานที่เก็บหีบเพลงตัวแรกที่มาถึงประเทศญี่ปุ่น ภายในอาคาร มีหีบเพลงมากมาย ด้านบนเป็นห้องต่าง ๆ แสดงกล่องเพลงรุ่นแรก ๆ ที่นำมาจากยุโรปในหลากหลาย ราคานับค่าไม่ได้ ให้ท่านได้เลือกชมและฟังเพลงเมโลดี้อันไพเราะ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ แหล่งช้อบปิ้ง TANUKI KOJI ถนนทานุกิโคจิเป็นย่านการค้าเก่าแก่ของเมืองซัปโปโร ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของเมือง โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 7 บล็อก ภายในนอกจากจากจะเป็นแหล่งรวมร้านค้าต่างๆ อย่างร้านขายกิโมโน เครื่องดนตรี วิดีโอ โรงภาพยนตร์แล้ว ยังมีร้านอาหารมากมาย ทั้งยังเป็นศูนย์รวมของเหล่าวัยรุ่นด้วย เนื่องจากมีเกมเซ็นเตอร์ และตู้หนีบตุ๊กตามากมาย นอกจากนั้นที่นี่ยังมีการตกแต่งบนหลังคาด้วยตุ๊กตาทานุกิขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีศาลเจ้าทานุกิอันเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1973 ด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก เดินทางเข้าพัก ที่โรงแรม Richmond Hotel Sapporo Odori หรือเทียบเท่า
ที่พัก Richmond Hotel Sapporo Odori ตั้งอยู่บน Tanukikoji Shopping Street ห่างจาก Odori Subway Station โดยใช้เวลาเดิน 5 นาที โรงแรมแห่งนี้ให้บริการที่พักพร้อมการตกแต่งอันทันสมัย และบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย…
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
08.30 น. นำท่านเดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์และโรงงานช็อกโกแลตชิโรอิโคอิบิโตะ Shiroi Koibito Park
พาให้จินตนาการของเขาเตลิดเปิดเปิงกับเหล่าเซฟขนมหวาน สรรพสัตว์ในตำนาน และโลกหลากหลายเรื่องราวของขนมหวานล้ำนามช็อกโกแลต โดยเฉพาะคุกกี้สอดไส้ช็อกโกแลตขาว ของฝากขึ้นชื่อจากฮอกไกโดถือเป็นพระเอกของที่นี่เลยก็ว่าได้ ภายนอกถูกจำลองไว้ดังโลกเทพนิยาย มีสวนสนุกเล็กๆบ้านหลากรูปทรง และหอนาฬิกาที่จะตีบอกเวลาพร้อมๆกับการแสดงย่อยๆจาก หุ่นยนต๋ที่แต่งกายเป็นเซฟออกมาร้องรำทำเพลง
เมื่อเดินเข้าสู่ภายในก็อัดแน่นไปด้วยความรู้เรื่องช็อกโกแลต โปสเตอร์ ประวัติคนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับขนมหวานนี้ รวมทั้งห้องกรุกระจกใสที่เผยให้เราได้เห็นสายพานการผลิตช็อกโกแลตในโรงงานจริง โดยมีพนักงานประจำตามสเตชั่นต่างๆกำลังง่วนอยู่กับงานที่ตนรับผิดชอบ คล้ายเรียลลิตี้ฉากย่อมๆเดินต่อไปจะพบกับพิพิธภัณฑ์ทำช็อกโกแลตสำหรับคุณหนู ปิดท้ายด้วยร้านอาหารที่มีวิวชมทิวเขาชานเมืองซัปโปโรที่มองเห็นผ่านบานกระจกใส สั่งช็อกโกแลตร้อนๆมาดื่มคลายหนาว พลางชมภาพสวยๆภายนอกพร้อมกัน แค่นี้ก็สุขพอแล้ว
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ศาลเจ้าฮอกไกโดSapporo Jinjaศาลเจ้าฮอกไกโดศาลเจ้าประจำเกาะฮอกไกโด ของศาสนาชินโต ที่สร้างตั้งแต่ปี 1871 ซึ่งแต่เดิมศาลเจ้านี้มีชื่อว่าศาลเจ้าซัปโปโร และชาวฮอกไกโดต่างให้ความเลื่อมใสศรัทธามาก เพราะเชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของเทพเจ้าโยฮะชิระ ผู้พิทักษ์เกาะฮอกไกโดและคอยปกปักษ์รักษาชาวเมืองบนเกาะมาตั้งแต่ยุคบุกเบิก ดินแดนแห่งนี้ ดังนั้นคนท้องถิ่นจึงนิยมไปสักการะไม่ขาดสาย เพื่อเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ ตลาดปลาSapporo Jōgai Ichiba
ตลาดอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ซัปโปโร ตลาดปลาแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อ ปี ค.ศ. 1903 และตลาดแห่งนี้รู้จักกันในนาม “ครัวทะเลของชาวเมืองซัปโปโร” เพราะสัตว์ทะเลที่จับได้ส่วนใหญ่จะหาได้จากทะเลแถบนี้ทั้งสิ้น ซึ่งจะมีความสดมากเหมือนไปเดินซื้อที่ท่าเรือเลยทีเดียว ลูกค้าส่วนใหญ่จะมีทั้งนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศรวมถึงชาวบ้านเข้ามาจับจ่ายใช้สอยกันเสมอ ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่อง ไข่หอยเม่นและไข่ปลาแซลม่อน ให้ท่านได้ลิ้มลองอีกด้วย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า (former hokkaido government office building) ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่าเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2416 ซึ่งเป็นอาคารสไตล์นีโอบาร็อกอันเลียนแบบมาจากศาลาว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์ของอเมริกา โดยใช้อิฐแดงในการก่อสร้างมากกว่า 2.5 ล้านก้อน โดยตึกนี้ถูกใช้งานมาเป็นเวลายาวนานกว่า 80 ปี ตั้งแต่สมัยผู้ว่าการคนแรกของฮอกไกโด ซึ่งปัจจุบันเป็นอาคารที่มีการบูรณะใหม่หลังจากที่ถูกไฟไหม้ในปี พ.ศ. 2454 ทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งภายในมีการจัดแสดงห้องทำงาน และนิทรรศการภาพถ่ายและเรื่องราวของเกาะฮอกไกโด
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เทศกาลหิมะแห่งเมืองซัปโปโร ถือว่าเป็นเทศกาลยิ่งใหญ่ประจำปีช่วงฤดูหนาวของญี่ปุ่น ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก โดยภายในงานมีการประกวดการแกะสลักน้ำแข็งและหิมะเป็นรูปร่างต่าง ๆ เหมือนกับเป็นดินแดนแห่งเมืองหิมะในฝันกันเลยทีเดียว ความพิเศษอยู่ตรงที่ ความยิ่งใหญ่ของประติมากรรมน้ำแข็งที่ถูกปั้นแต่งขึ้นอย่างประณีตบรรจง และถูกเนรมิตขึ้นมาจากจินตนาการและฝีมือการสร้างสรรค์จากช่างแกะสลักหิมะและน้ำแข็งจากทั่วโลก
จุดเริ่มต้นของเทศกาลหิมะแห่งเมืองซัปโปโร เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1950 โดยกลุ่มนักเรียนมัธยมมาช่วยกันปั้นตุ๊กตาหิมะในสวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park) ซึ่งเป็นสวนสาธารณะประจำเมือง และแต่นั้นมาก็มีการปั้นหิมะมากขึ้นทุกปี ๆ จนกลายมาเป็นเทศกาลใหญ่โตมาจนถึงทุกวันนี้ ปกติเทศกาลหิมะแห่งเมืองซัปโปโรจะจัดประมาณหนึ่งอาทิตย์โดยปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-12 กุมภาพันธ์
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก เดินทางเข้าพัก ที่โรงแรม Richmond Hotel Sapporo Odori หรือเทียบเท่า
นำทุกท่านเดินทางสู่ สนามบินชิโตเสะ เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
09.40 น. / 11.55 น. นำทุกท่านเหินฟ้ากลับสู่ประเทศไทย15.25 น. / 18.00 น. เดินทางถึง สนามบินดอนเมือง โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ…
ข้อตกลง & เงื่อนไข ของโปรแกรมทัวร์
อัตราค่าบริการนี้รวม:
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป – กลับ ชั้นประหยัด เส้นทางตามที่ระบุไว้ในโปรแกรม (ตั๋วกรุ๊ป) ที่นั่งเป็นไปตามการจัดสรร Random ของสายการบินไม่สามารถเลือกระบุที่นั่งได้ ยกเว้นการซื้อที่นั่งเพิ่ม
- ซื้อที่นั่งเพิ่ม สายการบิน Nok Scoot (XW) เส้นทางโตเกียว-นาริตะ สามารถUpgrade ที่นั่ง พร้อมชำระค่าที่นั่งได้ดังนี้- ที่นั่งชั้น ScootBiz ราคาเที่ยวเดียว 5,500 บาท /ท่าน (ราคาไป-กลับ 10,000 บาท) แจ้งก่อนเดินทาง10วัน- ที่นั่งแบบ Super หรือ Stretch Seat แจ้งก่อนเดินทาง10วัน มีค่าใช้จ่ายและเงื่อนไข ดังนี้ค่าน้ำหนัก กระเป๋าสัมภาระเดินทางโหลดใต้ท้องเครื่อง ตามที่สายการบินกำหนดแต่ละเส้นทาง (ไม่เกินท่านละ 20 กิโลกรัมเท่านั้น) ถือขึ้นเครื่องได้ (ไม่เกินท่านละ 7 กิโลกรัม) (ค่าทัวร์ไม่รวมการประกันความคุ้มครองการสูญเสียหรือเสียหายของกระเป๋าเดินทาง และทรัพย์สินส่วนตัว กรณีเกิดความเสีย บริษัทฯไม่สามารถรับผิดชอบได้)
- ซื้อน้ำหนักสัมภาระเพิ่มสายการบิน Nok Scoot(XW) (แจ้งอย่างช้าก่อนเดินทาง10วัน) มีค่าใช้จ่ายดังนี้(ราคาต่อท่าน ต่อเที่ยว)เพิ่ม 5 กก. 400 บาท / เพิ่ม10กก. 700 บาท /เพิ่ม 15กก.1,000 บาท/เพิ่ม 20กก.1,300 บาท/เพิ่ม 30กก.2,350 บาทหมายเหตุ: สายการบินไม่จำกัดจำนวนชิ้นในการโหลด แต่กฎหมายการบินทั่วโลกให้1ใบนน.สูงสุดได้ 32กก./ชิ้น
- ค่าธรรมเนียม น้ำมันเชื้อเพลิงของสายการบินและภาษีสนามบินทุกแห่ง
- ค่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่นผู้ชำนาญเส้นทางดูแลตลอดการเดินทาง
- ค่าโรงแรมที่พัก ตามที่ระบุในรายการ (พัก 2-3 ท่าน/ห้อง)
- ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ตามที่ระบุในรายการ
- ค่าพาหนะเดินทางระหว่างนำเที่ยวตามที่ระบุในรายการ
- ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ตามที่ระบุในรายการ
- ค่าประกันอุบัติเหตุในการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท ค่ารักษาพยาบาล 500,000 บาท (หมายเหตุ: ค่าประกันอุบิติเหตุสำหรับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี และ ผู้ใหญ่อายุมากกว่า 70 ปี ทางบริษัทประกันฯจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพียงครึ่งหนึ่งของสัญญาฯ) (กรณีส่งจอยหน้าร้าน)
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม:
- ค่าธรรมเนียมวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น (เพราะรัฐบาลประกาศยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นให้กับคนไทย ผู้ที่ประสงค์จะพำนัก ระยะสั้นในประเทศญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน) **ถ้ากรณีที่ทางรัฐบาลประกาศให้กลับมาใช้วีซ่า ผู้เดินทางจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำวีซ่าเพิ่ม ท่านละ 1,700 บาท**
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุ เช่น ค่าทำหนังสือเดินทาง ค่าโทรศัพท์ ค่าโทรศัพท์ทางไกล , ค่าอินเตอร์เน็ต , ค่าซักรีด มินิบาร์ในห้อง รวมถึงค่าอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มนอกเหนือรายการ (กรุณาสอบถามจากหัวหน้าทัวร์ก่อนการใช้บริการ)
- ค่าทิปคนขับรถ หัวหน้าทัวร์ และมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ท่านละ 1,700 บาท/ท่าน/ทริป
คำถามที่พบบ่อย
บริษัท YouMeTour ทำงานด้านการท่องเที่ยวมานาน ไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียในเรื่องนี้ เพราะเราซื่อสัตย์ จริงใจ และที่สำคัญเรามีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวเลขที่ 123456789 ได้รับการรับรองจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประเภท Outbound คือบริษัททัวร์ที่สามารถจัดทัวร์นำเที่ยวได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
YouMeTour มีทั้งจัดแพ็กเกจทัวร์เองในนาม YouMeTour และจัดทัวร์ร่วมกับกลุ่มบริษัทพันธมิตร (Partner) เพื่อให้ลูกค้าได้มีโปรแกรมท่องเที่ยวตามความต้องการและเหมาะสมกับลูกค้ามากที่สุด
สามารถแจ้งจองแพ็กเกจทัวร์ที่ต้องการได้หลายช่องทาง เช่น จองทาง เช่น website, Call Center, email, สื่อ Social media ต่างๆ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อท่านเพื่อยืนยันที่นั่งพร้อมแจ้งชำระเงินค่าจองทัวร์
ช่องทางการชำระเงิน มีหลายช่องทาง ดังนี้
1. ชำระด้วยเงินสด หรือ เช็คเงินสด ที่ บริษัท YouMeTour จำกัด คลิกดูแผนที่บริษัท
ชำระด้วยการโอนเงินผ่านธนาคาร ชื่อบัญชี บริษัท YouMeTour จำกัด คลิกดูรายชื่อธนาคาร
3. ชำระด้วยบัตรเครดิต ชำระโดยตรงได้ที่บริษัท YouMeToue จำกัด หรือแจ้งพนักงานขายของท่าน (โดยมีค่าธรรมเนียมการใช้บัตรจ่ายธนาคาร 3.5% ของมูลค่าสินค้า)
หลังจากลูกค้าแจ้งชำระเงินมัดจำค่าทัวร์ และการบริการอื่นๆ เรียบร้อยแล้ว พนักงานขายจะติดต่อกลับเพื่อยืนยันที่นั่งอีกครั้ง พร้อมส่งเอกสารการยืนยันสำรองที่นั่ง
จำเป็น! เพื่อให้พนักงานขายรับทราบและตัดสำรองที่นั่งให้ท่านได้อย่างรวดเร็ว ท่านสามารถแจ้งผ่านทาง e-mail ของพนักงานขาย , Line ของพนักงานขาย หรือทางแฟกซ์หมายเลข 123456789 โดยส่งหลักฐานการโอนเงินแนบประกอบมาด้วย
สามารถขอยกเลิกการเดินทาง และขอเงินคืนได้ไหมนั้น ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของการจอง ขอให้สอบถามกับพนักงานขายที่บริการท่านหรือดูรายละเอียดในเอกสารรายการทัวร์ แต่โดยส่วนใหญ่จะไม่สามารถขอยกเลิกหรือขอคืนเงินได้หลังจากได้ทำการจ่ายเงินแล้ว
เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 7 วันหากมีผู้เดินทางไม่ครบตามกำหนด และบริษัท ยินดีคืนเงินเต็มจำนวนให้ท่าน