ศาลเจ้าเทพอินาริ (Fushimi Inari Shrine) ที่คนไทยทั้งหลายชอบเรียกกันว่าศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจอกเป็นศาลเจ้าชินโต(Shinto) นั่งเองล่ะค่ะ ถ้าจะพูดว่าศาลเจ้าแห่งนี้ฮอตฮิตมากที่สุดก็ไม่ผิดเลยนะคะ เห็นได้จากโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ต่างๆจะต้องมีภาพของที่นี่ให้เห็นอยู่เสมอ ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต(Kyoto) มีชื่อเสียงโด่งดังจากประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธ์ โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่จะเห็นรูปปั้นจิ้งจอกอยู่จำนวนมากภายในศาลเจ้านั่นเอง
ว่ากันว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีความเก่าแก่มากถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสร้างเมืองเกียวโตซะอีกนะคะ คาดกันว่าจะเป็นช่วงประมาณปีค.ศ. 794 หรือกว่าพันปีมาแล้ว นอกจากจะมีไฮไลท์อยู่ที่เสาประตูสีแดงแล้วนั้นตัวอาคารศาลเจ้าเองก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ทั้ง Romon Gate ทางด้านหน้า และตัวอาคารหลักที่เรียกว่า Honden และยังมีส่วนประกอบศาลเจ้าที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง กระจายกันอยู่รอบๆบริเวณ และทางด้านหลังศาลเจ้าจะเป็นทางเดินขึ้นเขา ที่ปกคลุมไปด้วยเสาโทริอิ โดยเสาโทริอิสีแดงนั้นก็ล้วนมาจากการบริจาคจากส่วนต่างๆทั้งจากบุคคลและองค์กรเลยน่ะค่ะ สามารถสังเกตเห็นได้จากตัวหนังสือข้างหลังเสา โดยราคาเริ่มจากไม่กี่ร้อยเยนสำหรับเสาต้นเล็กๆ ไปจนถึงหลายล้านเยนสำหรับเสาต้นใหญ่ๆ
ไม่เพียงแค่ส่วนหลักๆที่น่าสนใจเท่านั้นนะคะระหว่างทางยังจะได้เห็นศาลเจ้าเล็กๆอยู่ตลอดทาง แม้กระทั่งเสาโทริอิแดงเล็กๆก็มีให้เห็นกันด้วยซึ่งก็มาจากคนทั่วไปที่แหล่ะค่ะที่จะบริจาคเล็กๆน้อยๆ นอกจากนั้นถ้าเหนื่อยแล้วก็ยังมีร้านอาคารท้องถิ่นและร้านขนมที่ขายอาหารแบบชุด แต่มีความพิเศษอยู่ตรงที่จะมีการตั้งชื่อให้เข้าธีมจิ้งจอกอย่างซูชิจิ้งจอกหรืออูด้งจิ้งจอก ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมายังมักจะนิยมเดินเที่ยวชมภูเขาอินาริแค่ถึงจุดชมวิวที่เรียกว่า ทางแยกโยซึซึจิ(Yotsutsuji intersection) เพื่อสามารถชมวิวเมืองเกียวโตงามๆและสูดอากาศสดชื่นได้เต็มปอดไปพร้อมๆกัน เพราะถ้าจะเดินให้ทั่วทั้งภูเขาแล้วเนี่ยอาจจะต้องใช้เวลาเดินประมาณ 2-3 ชั่วโมงเลยทีเดียว